Board Game Night | Official Site

ยินดีต้อนรับสู่ Board Game Night เพราะใครๆก็เล่นบอร์ดเกม!!

[เกมนอกกระดาน]การกำเนิด ที่ไม่ได้เกิดจากการเย

head

การกำเนิด ที่ไม่ได้เกิดจากการเย

เกมทุกเกมย่อมมีผู้สร้าง เรื่องราวทุกเรื่องย่อมมีคนเล่า คนเราเกิดขึ้นมาได้เพราะมีคนเอา

ไอ้เรื่องพวกนี้ดูจะเป็นเรื่องทั่วไปที่ใคร ๆ ก็คงรู้ เรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนกันมาก็คงรู้ว่าชีวิตจำนวนมากเกิดจากการเอา แต่เราจะไม่ได้พูดเรื่องการเอากันในบทความนี้หรอกนะฮะ แต่เราจะพูดถึงสิ่งที่จริง ๆ แล้วก็ส่งผลคล้ายการเอานั่นแหละ

หลายคนคงได้เห็น BGN เล่นเกมที่ชื่อ Overseers ไปแล้ว ทีนี้ตอนผมดูแม่งมีปัญหาหน่อย ๆ ว่าตอนที่ชาวบอร์ดเกมไนท์เล่นเนี่ย เค้าสวมบทบาทอะไรอยู่กันแน่ แล้วทำแต่ละอย่างในเกมกันไปทำไม คิดไปคิดมาถึงได้ตระหนักได้ว่า กูแม่งไม่รู้เรื่องป่าววะ หมายถึงไม่รู้ว่าเรื่องของเกมมันเป็นยังไง ถึงทำให้ผู้เล่นต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้

พอไม่รู้เรื่อง ก็ควรจะต้องรู้เรื่องเสียหน่อยใช่ไหม ?

ตามคำอธิบายของใน Rulebook ของเกม Overseers เองเนี่ย จริง ๆ มันก็มีเหมือนการโปรยเนื้อหาอยู่สั้น ๆ เหมือนกัน และเรื่องมันเป็นอย่างนี้ฮะ

20953106_1816846138625750_4032520660957898716_n

Overseers

ตั้งแต่เวลาวินาทีแรกได้เริ่มต้นขึ้น จักรวาลของเราประกอบไปด้วยเสาหลักที่ค้ำยันไว้อยู่ และอยู่เป็นคู่ตรงข้ามกันคือ ความดีงามและความชั่วร้าย ทีนี้เจ้าแม่ (เทพี) ของจักรวาลนี้ก็อยากให้โลกของเราอยู่เย็นเป็นสุข ก็เลยส่งเหล่า overseer มาช่วยกันรักษาสมดุลระหว่างพลังหลักสองอย่างนั้น ทีนี้เหล่าแม่ ๆ overseer แต่ละคนก็มีความสามารถของตัวเองที่จะบิด จะปรุงแต่งลักษณะของมนุษย์ ให้มันสมมาตรก็ได้ หรือจะให้มันเบี้ยวบูดไปเลยก็ได้ ตามแต่ที่แต่ละคนจะอยากให้เป็น

จบ… คนคิดเกมเค้าเล่ามาแค่นี้

ไอ้ห่า แม่งคาใจ แม่งไม่พอใจธันว์ มันมาดีและ แต่อยากเห็นอีกนิด เลยลองไปดูเรื่องคำว่า overseer เสียหน่อย

คำว่า overseer นี่ ผมยอมรับเลยว่าแม่งแทบไม่เคยเห็นบนโลกจริงเท่าไหร่ (อาจเพราะโลกเราแคบไปหน่อย) แต่ครั้งแรกที่เคยเห็น ดันเห็นจากในเกมคอมพิวเตอร์ที่ชื่อ Fallout (เกม post-apocalypse ที่เล่นสนุกและเนื้อเรื่องดีมาก ๆ สำหรับธันว์) และ overseer ในเกมนี้คือชื่อตำแหน่งของคนที่คุมชุมชนของผู้คนที่หลบอยู่ในหลุมหลบภัยเดียวกันนั่นเอง

Overseer ในเกม Fallout

จริง ๆ แล้วด้วยตัวคำว่า overseer เนี่ยมีความหมายว่า คนที่ทำหน้าที่ดูแล ตรวจตรา มักจะหมายถึงคนที่คอยควบคุมการทำงาน ซึ่งถ้าแปลจากคำตรง ๆ ตัว ก็หมายถึงผู้ที่มองมาจากข้างบน

พอความหมายมันมาทางนี้ก็ดูจะโป๊ะเช๊ะกับเนื้อหาที่คนคิดเกมเค้าวางไว้อยู่พอสมควร แม่ ๆ overseer ในเกม อาจจะไม่ใช่เทพเจ้าหรอก แต่ก็เป็นอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนเรา ที่ถูกเทพเจ้าส่งมา ให้ใช้พลังของพวกเขาคอยควบคุมดูแลโลกใบนี้อีกที พอแม่งทำหน้าที่ควบคุมดูแลได้เนี่ย โดยสถานะแล้วแม่ ๆ เค้าไม่ได้อยู่เท่าเราแน่นอน แต่อยู่สูงกว่า

เพราะฉะนั้นเกมนี้สำหรับผม มันคือเกมที่เรารับบทแม่ ๆ ผู้ที่อยากจะควบคุมดูแลโลก ด้วยการบาลานซ์ความดีชั่วตามแต่ที่เราอยากให้เป็น แล้วก็ต้องปะทะกับแม่ ๆ คนอื่น ที่อยากจะบาลานซ์มันแบบอื่นอะ

…..

ไอ้เรื่องไม่อิน ไม่เข้าใจ อยากรู้ที่มาที่ไป อยากได้คำอธิบายนี่ จริง ๆ แล้วมนุษย์แม่งเป็นมานานมากแล้วครับ อย่างน้อย ๆ ก็มีให้เห็นในยุคประวัติศาสตร์ที่มีการจดบันทึกไว้ครับ

มนุษย์เนี่ย แม่งโคตรอยากรู้อยากเห็น อยากทำความเข้าใจครับ เรื่องนึงที่อยากรู้มากคือเรื่องที่มาที่ไป จำพวกแบบสิ่งนั้นสิ่งนี้แม่งมาจากไหนวะ ไอ้นั่นไอ้นี่มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ซึ่งที่มันอยากรู้ อยากเข้าใจ อย่างหนึ่งก็เพราะว่าเราอยากจะดีลกับสิ่งต่าง ๆ ให้ถูก

“พอเราหาคำอธิบายให้กับอะไรได้

เราจะจัดการความสัมพันธ์ของเราที่

มีต่อสิ่งนั้น ๆ ได้”

ก็เหมือนกับตอนแรกที่ผมแม่งไม่อินกับเกม เพราะไม่เข้าใจเรื่องราวของมัน ทีนี้พอหาคำอธิบายได้แล้ว ก็พอจะจัดการได้แล้วว่าเราจะเล่นเกมนี้ยังไง คิดกับมันยังไงตอนเล่น

….

เรื่องราวของที่มาที่ไป หรือการเกิดขึ้นของสิ่งต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ค่อนข้างจำเป็นสำหรับพวกเราครับ และมนุษย์ในอดีตก็เป็นเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ใช้วิธีที่สมเหตุสมผล (แบบที่เราอาจจะรับได้ในปัจจุบัน)ในการอธิบายการเกิดเหล่านี้ แต่พวกเขาก็หาทางอธิบายมันจนได้เพื่อที่ดีลกับสิ่งนั้น ๆ ได้ ไอ้เรื่องราวการเกิดขึ้นของสิ่งต่าง ๆ ที่ได้รับการยอมรับและแพร่หลายทุกวันนี้ บางทีถูกเรียกว่าตำนานบ้าง นิทานบ้าง แต่ทั้งหมดถูกเรียกรวม ๆ กันว่า Origin Myth ครับ

Origin Myth หรือตำนานการถือกำเนิดเนี่ย มีอยู่ในทุกวัฒนธรรมเลยครับ ใช้อธิบายถึงการเกิดขึ้นของสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติ และในสังคมวัฒนธรรมของมนุษย์ สาขาหนึ่งของตำนานประเภทนี้ที่ฮิตมากคือสิ่งที่เรียกว่า creation myth หรือตำนานการสร้างครับ พูดแบบรวม ๆ ก็คือ พอไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ก็คิดว่ามันต้องมีใครสร้างมันขึ้นมา ใครที่ว่านี่ส่วนมากก็จะเป็นเทพอะไรสักองค์ในวัฒนธรรมนั้น ๆ ครับ (ซึ่งบางทีก็ต้องมีตำนานการเกิดเทพมาอธิบายอีกทอด)

ตำนานการสร้างโลกที่น่าจะได้ยินกันบ่อยคือของชาวคริสต์ที่อธิบายเกี่ยวกับการสร้างโลกของพระเจ้าใน 7 วัน

ไอ้เรื่องตำนานการเกิด ตำนานการสร้างนี่ก็ทรง ๆ เดียวกับที่คนสร้างเกม overseers เอามาใช้นี่แหละฮะ ถ้านึกไม่ออกว่ามันทรงเดียวกันยังไง ผมมีตัวอย่างมาเล่าให้ฟังครับ

ตำนานการเกิดอันนี้มีชื่อว่า “น้ำเต้าปุง” เป็นเรื่องแพร่หลายมากในไทยครับ โดยเฉพาะทางเหนือและอีสาน (มึงไม่ต้องสงสัยนะครับว่าทำไมแพร่หลายแล้วกูไม่รู้จัก คือมันไม่ค่อยมีคนเล่าแล้วไง คนรุ่นใหม่แบบชาวเราไม่ค่อยสนใจมัน เพราะมันดูไม่สมเหตุสมผล  , เอาจริงคนสนใจมันก็มีอยู่บ้างครับ เค้าบอกว่ามันช่วยทำให้เห็นพื้นฐานวิธีคิด การมองโลก ที่มันฝังอยู่ในแต่ละสังคม)

น้ำเต้าปุง เป็นตำนานของชาวล้านช้างครับ คือถ้าเทียบพื้นที่ปัจจุบันวัฒนธรรมของพวกเขาก็จะแพร่กระจายกินพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสานของไทย ยาวไปถึงบางส่วนของลาวและจีนใต้ด้วย เรื่องนี้เกี่ยวกับการกำเนิดมนุษย์ที่หลากหลายครับ เล่าได้สั้น ๆ แบบนี้ฮะ

บนโลกนี้มีเทพที่เป็นเจ้าที่บันดาลทุกสิ่งให้เกิดขึ้นได้ อาศัยอยู่บนฟ้า รู้จักกันในชื่อว่า “แถน” คือแกบันดาลได้ทุกอย่างจริง ๆ อะฮะ แล้วแม่งมีผลต่อมนุษย์ด้วย เช่น ทำให้มีฝน ทำให้ฝนแล้ง เสกนู่นเสกนี่มาจากไหนก็ไม่รู้แต่ก็หามาจนได้ เป็นต้น (เรื่องของแถนนี่ยังเป็นที่รู้จักในวัฒนธรรมอีสานนะครับ อย่างงานบุญบั้งไฟนี่ก็ยิงขึ้นฟ้าไปเพื่อสื่อสารกับแถนนี่แหละครับ)

ทีนี้เมื่อนาน ๆ มาแล้ว ก็มีชุมชนคนอยู่บนโลกนี่อยู่แล้วฮะ แล้วก็มีคนที่ถูกเรียกว่า “ขุน” นี่แหละคอยดูแลผู้คนให้อยู่กันได้ ในขณะเดียวกันก็คล้าย ๆ ว่าจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างชาวบ้านและแถนด้วย คราวหนึ่งชุมชนคนไปทำอะไรไม่รู้ให้แถนโกรธ คือโกรธหนักมากจนบันดาลให้น้ำท่วมโลกเลย

คนก็เดือดร้อนสิฮะ อยู่กันไม่ได้ ก็ต้องส่งผู้แทนอย่าง “ขุน” ต่าง ๆ ไปคุยกับแถนฮะ ขอย้ายไปอยู่ที่ดอนที่น้ำท่วมไม่ถึง แถนก็ให้ไปอยู่บนที่ดอน (ที่สูง) ชาวคนก็บ่นอีกว่าอยู่ยากมันแล้งทำมาหากินไม่ได้ แถนก็คงเซ็ง ๆ และคงบอกว่า งั้นพวกมึงขยับไปอยู่ที่ที่มันลุ่มหน่อยตรงนั้น อะเอาควายไปด้วย 3 ตัว เอาไว้ช่วยทำนา

ควายที่ช่วยเหลือมนุษย์เอาไว้

ชาวคนก็ใช้ควายช่วยทำนาไปได้ 3 ปี

ไอ้ห่าควายตาย !!

แต่ควายตายไม่ตายเปล่าครับ สักพักหนึ่งก็มีน้ำเต้างอกออกมาจากซากควายนั้น 3 ลูก แล้วแม่งใหญ่แบบใหญ่มาก ใหญ่แบบเป็นภูเขาเลยมั้ง แล้วพอน้ำเต้าสุกก็เหมือนว่าจะมีคนอยู่ข้างในหวะ

ผู้นำชุมชนที่มีชื่อนำว่า “ขุน” นี่ก็ลองเอาเหล็กไปเจาะ เอาสิ่วไปเซาะน้ำเต้าเหล่านี้ดู โอโห…. มีคนทะลักเบียดกันออกมาเลยครับ และทีนี้คนที่ออกมาจากแต่ละรู แต่ละรอบ ก็ไม่เหมือนกัน ถูกอธิบายไปว่าเป็นคน ๆ คนละกลุ่ม คนละชาติพันธุ์ (อยากรู้ว่าเป็นกลุ่มไหนบ้างลองไปหาอ่านกันดูเอง) แล้วคนที่ออกมาหลายกลุ่มนี้ก็ถูกชาวคนสอนให้ทำนู่นทำนี่ แบ่งงานกัน ตั้งรกราก สร้างครอบครัวเรื่อยมาจนปัจจุบัน

จบไปกับน้ำเต้าปุง… คือมึงจะหัวเราะก็ได้นะ เพราะมันดูไม่ Make Sense ไม่สมเหตุสมผล คือเอาจริง ๆ ในอดีตคนที่เล่าเรื่องนี้เค้าก็คงพอรู้แหละว่ามันดูไม่จริง แต่การมีเรื่องนี้อยู่ มันไม่ได้มีหน้าที่เพื่อบอกว่าตัวมันเองคือเรื่องจริงครับ

“เรื่องบางเรื่อง มันอาจไม่สมเหตุสม

ผล แต่มันคือคำอธิบายที่ช่วยให้เรา

ใช้ชีวิตต่อไปได้”

คือในบริบทของชาวล้านช้าง ที่ต้องเจอกับผู้คนที่แตกต่างหลากหลายกันไปจำนวนมาก ข้ามเขาไปลูกนึง คนที่นั่นก็มีวิถีชีวิต มีภาษาต่างจากกันโดยสิ้นเชิงแล้ว ทีนี้เขาก็ใช้เรื่องเล่าการกำเนิดมนุษย์ที่ทำให้เห็นว่าคนแต่ละกลุ่มแม่งต่างกันตั้งแต่เริ่มแล้ว เขาก็จะสามารถใช้ชีวิตอยู่กับความแตกต่างนั้นได้ รู้ว่าควรดีลกับคนกลุ่มไหนยังไง เพราะว่ามันพอจะมีคำอธิบายมาอยู่ก่อนบ้างแล้วว่า คนกลุ่มนี้มีความถนัดอะไร คนกลุ่มนั้นอาศัยอยู่แถวไหน คนกลุ่มนู้นมี stereotype ยังไง

ในโลกปัจจุบันที่เราเชื่อในวิทยาศาสตร์ และมองหาแต่อะไรที่สมเหตุสมผล ในทางนึงมันก็ผลักให้เรื่องราวที่ดูไม่สมเหตุสมผลกลายเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง กลายเป็นเรื่องตลก ในอีกทางหนึ่งเราก็อาจละเลยถึงหน้าที่และประโยชน์ที่เกิดจากเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล(บางเรื่อง)ไปเหมือนกัน ที่หนักไปกว่านั้นคือ หลาย ครั้งเรามักจะเชื่อและมองหาความจริงเพียงหนึ่งเดียว แล้วเราก็มองว่าเรื่องราวอื่น ที่เรามองว่ามันไม่จริง (ไม่สมเหตุสมผล) แม่งเป็นเรื่องไร้สาระ โง่งม ไม่เป็นเรื่องเป็นราว ในขณะเดียวกันเรื่องราวเหล่านั้น มันอาจจะทำงานทำหน้าที่ให้กับคนอื่น อีกหลายคน ช่วยให้พวกเขาจัดการความสัมพันธ์กับสิ่งต่าง ในชีวิตเขาได้อยู่ ช่วยให้เขาดำเนินชีวิตไปได้ ไม่ต่างจากมึงจากกูที่ก็ใช้เรื่องราวบางเรื่อง คำอธิบายบางชุดเพื่อให้ใช้ชีวิตกันต่อไปในทุก วัน…

ช่วงนี้จัดการเวลาในชีวิตได้ไม่ค่อยดี อาจจะมีช้าไปบ้าง ก็ไม่ต้องเห็นใจกันหรอกฮะ ขอให้ด่ากันให้มาก เผื่อจะได้ช่วยกระตุ้นให้จัดการเวลาได้ดีขึ้น สำหรับคนที่ยังอดทนติดตามอ่านกันอยู่ก็ขอบคุณมาก ๆ และถ้าอยากรู้และอยากให้เราเล่าเรื่องอะไรก็เขียนมาบอกกันได้ เราจะตอบกับไปว่า “อยากรู้ มึงก็หาเองบ้าง” แต่ถ้าหาเองไม่ได้ หรือไม่รู้จะหายังไงมาคุยกันได้นะครับ เราพอจะแนะนำได้บ้างว่าควรหาอะไรจากที่ไหน ด้วยวิธีใดบ้าง แล้วไว้เจอกันฮะ

ด้วยรักและเครารก

ธันว์

“เกมนอกกระดาน” โดย ธนชัย วรอาจ (ธันว์)

Author