ทำไมต้องดัน ?
อะไรคือดันเจี้ยน
แล้วทำไมมีมอนสเตอร์อยู่ในนั้น
แล้วทำไมกูดันมาสนใจเรื่องนี้ ?
หลายคนคงเคยได้เล่นเกม RPG เก็บเลเวลพัฒนาตัวละครไปเรื่อย ๆ ถ้าเล่นเกมที่สายแฟนตาซีหน่อยก็คงจะคุ้นเคยกับสิ่งที่เรียกว่าดันเจี้ยน ที่ เรา ๆ ต่างพาตัวละครของเราลงไปไล่ตี ไล่ฆ่ามอนสเตอร์เพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้ตัวเอง หาไอเท็มต่าง ๆ ให้ตัวเองเก่งขึ้น ชนะเกมได้ง่ายขึ้น ไม่ต่างกับในเกม Dungeon Buster ที่ BGN เล่นไว้สักเท่าไหร่
BGN Dungeon Busters EP.70
“แต่เคยสงสัยกันบ้างไหมอะ
ว่าดันเจี้ยนเนี่ยแม่งคืออะไรวะ ทำไม
มีมอนสเตอร์ยั้วเยี้ยไปหมด”
ดันเจี้ยนเนี่ย ถ้าจะให้แปลเป็นไทย แปลให้ตายยังไงก็คงไม่ถูก เพราะในไทยดูเหมือนจะไม่มีสิ่งก่อสร้างแบบนี้ แต่ถ้าจะแปลให้ตรงที่สุดก็คงจะต้องแปลว่า คุกใต้ดินในปราสาท ที่ต้องบอกว่าในปราสาทนี่ก็ขอให้นึกถึงปราสาทหินแบบยุโรปนะฮะ (ไม่ใช่ปราสาทหินแบบพนมรุ้งนะโว้ย) ปราสาทแบบที่เราเห็นกันใน Game of Thrones ปราสาทแบบที่ฮิต ๆ กันในยุคกลางนั่นแหละ
พอพูดถึงคุกแบบดันเจี้ยนเนี่ย ก็อย่าเพิ่งนึกว่ามันจะเป็นคุกแบบที่เราคุ้นตาแบบเรือนจำในปัจจุบัน ที่มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบนะครับ มันต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยก็ว่าได้ เพราะเรือนจำเนี่ยเป็นส่วนหนึ่งของการลงโทษเพื่อจำกัดอิสระภาพของผู้กระทำผิด แต่ในอดีตแบบยุคกลางเนี่ยโทษจำคุกจากการกระทำผิด มันไม่มีหรอกฮะ
ทางลงดันเจี้ยนของปราสาท Lancaster
“ไม่มีโทษจำคุก แล้วเอาไปขังคุกทำไมวะ ?”
การโยนใครสักคนไปขังไว้ในดันเจี้ยนในยุคนั้น มีเหตุผลหลัก ๆ อยู่แค่ 2 อย่างใหญ่ ๆ
อย่างแรก คือ เอาตัวคนนั้นไปขังไว้เพื่อรอเวลาในการไต่สวน อารมณ์คล้าย ๆ การตัดสินคดี ที่กระบวนการยุติธรรมก็ไม่ได้เป็นธรรมเท่าไหร่หรอกเอาจริง ๆ คือ มึงจับคน ๆ นึงไปขังได้แล้ว โดยที่ยังไม่ได้บอกว่าเค้าผิดอะไรอะ คือแม่งกลับหัวกลับหางกับกระบวนการยุติธรรมสมัยใหม่แหละ (ถึงแม้จะดูคุ้น ๆ ว่าสมัยใหม่บางทีก็เป็นแบบนี้) ว่าง่าย ๆ ก็คือ การขังไว้ไม่ใช่การลงโทษ แต่แค่ไม่ให้ไปวุ่นวายข้างนอก หรือหนีได้จากการไต่สวน
ไอ้การขังเพื่อรอนี่ บางทีก็ไม่ได้ตั้งใจจะมีการไต่สวนอะไรหรอก แต่ก็ขังไว้อย่างงั้นแหละ ขังเพื่อให้คน ๆ นึงไม่มีบทบาทข้างนอก ไม่เป็นภัยกับคนที่มีอำนาจโยนคนนั้นลงดันเจี้ยน ซึ่งความเป็นจริง ไอ้การขังแบบนี้ไม่จำเป็นต้องขังไว้ในดันเจี้ยนนะครับ คือถ้าให้เกียรติกันหน่อย เขาก็จะขังไว้ในบ้าน ไว้ในห้องในปราสาท ถ้าเป็นชนชั้นสูงมีเกียรติ ก็แทบจะอยู่สุขสบายเหมือนเดิมแค่โดนกักบริเวณไว้ในห้อง ในปราสาทของตัวเอง เป็นต้น ดังนั้นใครที่ถูกโยนลงดันเจี้ยนที่แม่งมืดทึบ สกปรก ไร้ความสบาย นี่แม่งคือการไม่ให้เกียรติกันสุด ๆ แล้ว
เซอร์ซี แลนนิสเตอร์ ที่ถูกขังและทรมานในดันเจี้ยน จากซีรี่ย์ GoT
อย่างที่สอง เพื่อทรมาน นอกจากการทรมานที่ต้องโดนขังอยู่ในที่ที่หดหู่สุด ๆ แล้ว ชื่อเสียงของดันเจี้ยนหลายแห่งที่ขจรขจายมาจนปัจจุบัน ยังประกอบไปด้วยห้องทรมานด้วย การทรมานที่ว่านี่ก็คือการทรมานทางร่างกายล้วน ๆ เลยฮะ การทรมานที่ว่าเนี่ยบ้างก็เพื่อทรมานเฉย ๆ เพื่อความสะใจของเจ้าของดันเจี้ยน อีกส่วนหนึ่งก็ถูกอธิบายว่าเป็นขั้นตอนหนึ่งในการไต่สวน เรียกง่าย ๆ ว่าทรมานเพื่อเค้นเอาข้อมูลหรือบีบบังคับให้สารภาพผิดอะมึง ด้วยเหตุนี้ดันเจี้ยนจึงเป็นพื้นที่สำคัญที่ก่อให้เกิดเทคนิคและเทคโนโลยีในการทรมานต่าง ๆ นานา รวมทั้งยังทำให้เกิดอาชีพนักทรมาน ซึ่งเป็นคนสำคัญในกระบวนการยุติธรรมยุคนั้น (นักทรมานบางคนนี่กลายเป็นคนโปรดของเจ้าของปราสาทเลยก็มี)
การทรมานในยุคกลาง
“แล้วมอนสเตอร์อยู่ตรงไหนวะ ?”
เออ นี่เล่ามาตั้งเยอะ กูก็ยังไม่เห็นเหมือนกันว่ามอนสเตอร์อยู่ตรงไหน พยายามหาคำตอบตรง ๆ ก็ไม่เจอเลยจริง ๆ ที่จะมีส่วนไหนในประวัติศาสตร์บอกว่ามีสัตว์ประหลาดอยู่ในดันเจี้ยน ใช่แหละ… ถ้าเรากำลังพูดถึงสัตว์ประหลาดแบบที่เราเห็นกันในเกม แม่งไม่มีหรอก
แต่ถ้าพูดถึงมอนสเตอร์ในความหมายเชิงเปรียบเทียบว่าความเลวร้าย ความป่าเถื่อน ความผิดมนุษย์ ดันเจี้ยนที่เล่าไปแม่งมีให้ครบ ตลอดเส้นทางประวัติศาสตร์เนี่ย ดันเจี้ยนได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งไม่ดี ความชั่วร้าย มาโดยตลอด ทั้งจากการที่มันเป็นที่จองจำของคนที่ถูกบอกว่าเป็นคนชั่ว เป็นปรปักษ์กับเจ้าผู้ทรงธรรม ผู้มีอำนาจ แล้วไหนจะเต็มไปด้วยการทรมานที่ผิดมนุษย์มนา ที่ทำให้ร่างกายบิดเบี้ยว มากไปกว่านั้นการถูกขังอยู่ในดันเจี้ยนก็ทำให้สภาพจิตใจของคนผิดเพี้ยนไปด้วยเช่นกัน
Vlad the Impaler
มีเรื่องเล่าบางส่วนในประวัติศาสตร์ที่ช่วยสนับสนุนความผิดเพี้ยนผิดมนุษย์นี้ อย่างเช่น กรณีของ Vlad the Impaler เจ้าผู้ครองปราสาทผู้เป็นต้นแบบของเคาต์แดรคคูล่า ผู้ซึ่งในวัยกลางคนจับกองทัพศัตรูนับหมื่นมาเสียบประจาน สร้างความหวาดหวั่นไปทั่ว Vlad คนนี้ในวัยรุ่นก็มีประวัติถูกจับไปขังในดันเจี้ยน หลายคนก็บอกว่าชีวิตช่วงนั้นแหละที่บ่มเพาะความโหดร้ายของเขาขึ้นมา
หรืออีกเรื่องเกิดขึ้นที่ปราสาทในยุโรปชื่อ Chilingham ที่เจ้าครองปราสาทคนหนึ่ง หลงใหลการทรมานในดันเจี้ยนมาก ด้วยเหตุนี้ทำให้ลูกน้องคนโปรดของเขาเป็นใครไม่ได้นอกจากนักทรมานมือดีของเขาเอง แต่ความโหดก็คือ ไม่รู้แม่งไปผิดใจอะไรกันเข้า สุดท้ายเจ้าผู้ครองปราสาทก็สั่งให้เอานักทรมานคนนี้ไปทรมานในดันเจี้ยนเดียวกันนั้นไปเรื่อย ๆ จนตายไปในที่สุด
เล่ามาถึงตรงนี้เราคงพอจะเห็นแล้วว่า มันอาจจะไม่มีมอนสเตอร์อยู่ในดันเจี้ยนเหมือนในเกม แต่ดันเจี้ยนเองต่างหากที่เป็นที่บ่มเพาะคนที่อาจกลายเป็นมอนสเตอร์ได้ในอนาคต ประกอบกับดันเจี้ยนกลายเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย โหดร้าย น่ากลัวต่าง ๆ นานา นักเขียนรุ่นหลังก็เลยสร้างให้ดันเจี้ยนแฟนตาซีมากขึ้นในนิยาย และก็ส่งผลมาสู่โลกของเกมที่เราคุ้นเคยกัน
ในปัจจุบันความโหดร้ายของดันเจี้ยนก็ได้ถูกใช้ประโยชน์ในรูปแบบใหม่ ดันเจี้ยนจริง ๆ ในปราสาทมากมายกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์รอคอยให้คนรุ่นหลังไปเรียนรู้ แต่เมื่อรู้แล้วว่าดันเจี้ยนในประวัติศาสตร์มันไม่แฟนตาซีเหมือนที่คาดหวัง นักลงทุนหัวใสในยุโรปก็ได้ใช้คอนเซ็ปต์ของดันเจี้ยนมาสร้างสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อความบันเทิงใหม่ ๆ ด้วย ลองแวะกันไปดูได้มีหลายสาขาในหลายเมือง (ตามลิงค์ได้เลยฮะ –> https://www.thedungeons.com/london/en/ )
the London Dungeon สถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ดันเจี้ยน